รองนายก ฯ “สมศักดิ์” ในฐานะประธาน กพต. ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา ติดตามการขับเคลื่อนงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อขจัดปัญหาความยากจนและลดปัญหาหนี้นอกระบบ
. ช่วงเช้าวันนี้ (20 ต.ค. 66) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นไปตามหลักการและเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547 โดยมีนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผอ.สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและคณะกรรมการหมู่บ้านเข้าร่วม ณ ห้องประชุมโรงแรมคุ้มไทรงาม อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
. โอกาสนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กพต. ได้กล่าวถึงการลงพื้นที่ในครั้งนี้ว่า เป็นการมาติดตามการขับเคลื่อนงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรค พร้อมทั้งกระตุ้นการทำงานของคณะกรรมการหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนด ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการสนับสนุนและขับเคลื่อนงานกองทุนหมู่บ้านมาตลอด เพื่อให้สมาชิกในกองทุนและชาวบ้านให้เข้าถึงกองทุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เข้าถึงง่าย ลดปัญหาหนี้นอกระบบ และมีทุนในการต่อยอดธุรกิจของตัวเอง ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนแก่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศต่อไป
. สำหรับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดสงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และจังหวัดนราธิวาส มีจำนวนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ทั้งสิ้น 3,072 กองทุน โดยแยกเป็นกองทุนหมู่บ้าน 2,909 กองทุน, กองทุนชุมชนเมือง 164 กองทุน และกองทุนชุมชนทหาร 21 กองทุน ในส่วนของจังหวัดสงขลา มีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวนทั้งสิ้น 1,101 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนหมู่บ้าน จำนวน 1,023 กองทุน กองทุนชุมชนเมือง จำนวน 78 กองทุน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองดำเนินการจดทะเบียนนิติบุคคล จำนวน 1,062 กองทุน
. นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงแนวทางการส่งเสริมการทำเกษตรแบบผสมผสาน เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพเสริมแก่สมาชิกในกองทุนและชาวบ้าน อาทิ ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ ได้แก่ การเลี้ยงวัว การเลี้ยงแพะ การเลี้ยงปูดำหรือปูทะเลในรูปแบบคอนโด โดยให้ทาง ศอ.บต. และกองทุนหมู่บ้านลงพื้นที่ร่วมกันดูแลและให้การสนับสนุน ซึ่งการเลี้ยงปูดำใช้ระยะเวลาประมาณ 5 เดือน ก็สามารถส่งจำหน่ายได้ถึงราคากิโลกรัมละ 400-600 บาท แต่ทั้งนี้ ต้องใช้ความอดทน และหมั่นเอาใจใส่ในผลผลิตของตนเองอยู่เสมอเพื่อให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพ ตลอดจนการเพาะเลี้ยงปลาธรรมชาติ และสัตว์เลี้ยงคุ้มครอง เช่น นกกรงหัวจุก สายพันธุ์ดี เสียงเพราะ เนื่องจากบางตัวมีราคาถึง 5 แสนบาท โดยถือว่าเป็นโอกาสและเป็นอีกหนึ่งอาชีพได้เลย
. ด้านนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ตลาดกองทุนหมู่บ้าน จากประสบการณ์ตั้งแต่เป็นปลัดอำเภอ ชาวบ้านมักจะมองว่าเงินกองทุนเหล่านี้ เป็นเงินที่ได้จากรัฐบาลฟรี ดังนั้นการทำงานจากนี้ควรจะต้องมีการปรับความเข้าใจกัน ระหว่างประชาชนผู้รับเงินจากกองทุนหมู่บ้านให้เข้าใจในบริบทของเงิน รวมถึงระเบียบหลักเกณฑ์ต่างๆ และถ้าหากเป็นอย่างนั้นได้การปรับคณะกรรมการที่เหมาะสมขึ้นก็จะเป็นประโยชน์ต่อกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งตนในส่วนของจังหวัดก็จะทำอย่างเต็มที่
. ทั้งนี้ กลุ่มกรรมการหมู่บ้าน ที่ได้เข้าร่วมประชุม ยังได้ร้องขอให้ให้มีการปรับและสนับสนุนในเรื่องของเทคโนโลยีนวัตกรรมต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการผลิต และการสนับสนุนการให้ความรู้ ซึ่งถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่อยากให้กองทุนหมู่บ้านเข้ามาสนับสนุนอีกครั้งหนึ่ง
ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด/ข่าว
ประชา-ทีรปกร/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
21 ต.ค. 66