จังหวัดสงขลา กำหนดมาตรการการจำหน่ายน้ำกระท่อม เพื่อจัดระเบียบ ควบคุมการซื้อ – ขายกระท่อมที่ถูกกฎหมาย และปลอดภัยต่อผู้บริโภค ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
.
วันนี้ (2 พ.ย.66) ที่ห้องประชุม Conference ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการการจำหน่ายน้ำกระท่อม โดยมีผู้แทนจากตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา, สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 9, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา, แขวงทางหลวงชนบทสงขลา, แขวงทางหลวงสงขลาที่ 1 และ 2 , ผู้แทนนายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมประชุมตามข้อสั่งการผู้ว่าราชการสงขลาที่ให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการจำหน่ายน้ำกระท่อม โดยให้หารือร่วมกันเพื่อจัดระเบียบ ควบคุม กำหนดโซนขายที่ถูกกฎหมาย
.
“พืชกระท่อม” เคยถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ครั้งแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2486 แต่หลังจากไทยได้ปลดล็อกใบกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด หวังชูให้เป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่ง กระท่อมจึงเป็นพืชที่สามารถปลูก กิน ซื้อขายและครอบครองได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็มีกฎหมายควบคุมและป้องกันการนำพืชกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิด ตาม พ.ร.บ. พืชกระท่อม พ.ศ. 2565 ดังนี้
.
(1) ห้ามขายให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และบุคคลอื่นตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันประกาศกำหนด ซึ่งผู้ขายต้องปิดประกาศหรือแจ้งให้ทราบถึงข้อห้ามขาย หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท ตามมาตรา 33
(2) ห้ามขายในสถานศึกษา หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ สวนสนุก ขายผ่านเครื่องขาย และขายในสถานที่โดยวิธีการหรือในลักษณะอื่นใด ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันประกาศกำหนด หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ตามมาตรา 34
(3) ห้ามโฆษณาเพื่อจูงใจให้บริโภคพืชกระท่อมที่ผสมกับยาเสพติดให้โทษหรือว่าวัตถุออกฤทธิ์ ยา หรือวัตถุอันตราย หากผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 35
(4) ห้ามบริโภคใบกระท่อม น้ำต้มกระท่อม ที่ปรุงหรือผสมกับยาเสพติดให้โทษ หรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ยกเว้นเพื่อการบริโภคหรือการศึกษาวิจัย หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาทตามมาตรา 36
(5) ห้ามจูงใจชักนำ ยุยงส่งเสริม ใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้อำนาจ ครอบงำ หรือใช้วิธีขืนใจเพื่อให้ผู้อื่นบริโภคใบกระท่อมโดยปรุงผสมกับยาเสพติด ยา หรือวัตถุอันตราย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 37
.
โดยที่ประชุมในครั้งนี้ได้ติดตามสถานการณ์จำหน่ายน้ำกระท่อมและมาตรการการดำเนินการพื้นที่ โดยตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เผยว่าไม่พบร้านค้าจำหน่ายน้ำกระท่อมที่ปรุงหรือผสมกับยาเสพติด แต่มีการจับกุมในลักษณะการขายผ่านเครื่องขาย ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 34 มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท อีกทั้งการจำหน่ายน้ำกระท่อมตามสถานที่สาธารณะ หรือในลักษณะเปิดซุ้มขายริมถนน ขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างจอดขาย และเปิดท้ายรถกระบะวางขาย ก็ยังมีความผิดและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่ประชุมจึงกำหนดให้มีประชุมนายอำเภอเพื่อสร้างการรับรู้ถึงระเบียบและกำหนดเขตการจำหน่ายที่ถูกต้องตามกฎหมายในแต่ละพื้นที่ต่อไป
.
อย่างไรก็ตาม “พืชกระท่อม” นอกจากจะมีสรรพคุณในการรักษาอาการปวด ลดการอักเสบ ทำให้กล้ามเนื้อลายคลายตัว สามารถทำงานได้ทนเนื่องจากไปช่วยลดอาการปวดเมื่อย ลดอาการท้องเสีย เป็นต้น แต่การใช้ใบกระท่อมอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว อาทิ ทำให้มีผิวแห้งคล้ำ ซูบผอม เบื่ออาหาร หากหยุดใช้หรือลดปริมาณการใช้ลงอย่างกะทันหันอาจมีลักษณะอาการที่รุนแรงขึ้นคล้ายกับผู้เสพยาบ้า หรือหากมีการใช้ที่กระท่อมในปริมาณมากเกินสมควรอาจมีผลข้างเคียง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยก้านและใบกระท่อมได้ ทำให้กากหรือเศษกระท่อมตกค้างอยู่ในลำไส้จนเกิดลำไส้อุดตันได้
.
ณิชารีย์ หนูบุญ/ข่าว
ทีปรกร จันทร์ชนะ/ภาพ
2 พ.ย. 2566
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา