รมว.พาณิชย์ลงพื้นที่ จ.สงขลา ติดตามสถานการณ์ทุเรียนและผลไม้ภาคใต้ สนับสนุนการใช้ห้องเย็นและการแปรรูปทุเรียนแช่แข็งเพื่อรักษาคุณภาพและเพิ่มมูลค่า พร้อมผลักดันการส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศและพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกร

. วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) ที่บริษัทห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่ จำกัด (มหาชน) อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ผลไม้ในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะทุเรียนซึ่งถือเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญของไทย พร้อมเยี่ยมชมกระบวนการผลิต การตลาด และการส่งออกผลไม้ โดยมีนายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นางสาวฉัตร์สุดา ชุมแสง พาณิชย์จังหวัดสงขลา นายชัยวัชร์ เหล่าเทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่ จำกัด (มหาชน) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ

. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อมาติดตามสถานการณ์ผลไม้ภาคใต้ โดยเฉพาะทุเรียนในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว พร้อมเยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัทห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่ฯ ที่นำทุเรียนเข้าสู่กระบวนการแช่แข็ง (Frozen Durian) เพื่อรักษาคุณภาพและเพิ่มมูลค่าก่อนส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยขณะนี้มีการรับซื้อทุเรียนแล้วกว่า 5,000 ตัน และคาดว่าจะดำเนินการได้ถึงช่วงกลางเดือนกันยายน ถือเป็นกลไกสำคัญในการรองรับผลผลิตจำนวนมากในช่วงที่ราคามีแนวโน้มตกต่ำ และสร้างรายได้ที่มั่นคงแก่เกษตรกร

. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำว่าการใช้ห้องเย็นและการแปรรูปผลไม้เป็นโมเดลสำคัญในการแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาด ช่วยยกระดับราคาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่ดีขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปแปรรูปเพื่อการส่งออก เพิ่มโอกาสทางการตลาด พร้อมกันนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังเดินหน้านโยบายลดต้นทุนการผลิต อาทิ โครงการธงเขียว ปุ๋ย และยารักษาพืช เพื่อบรรเทาภาระเกษตรกร และเชิญชวนประชาชนร่วมอุดหนุนสินค้าไทย สนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากให้แข็งแรงและยั่งยืน

ด้านนายชัยวัชร์ เหล่าเทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่ฯ เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้านห้องเย็นเก็บรักษาสินค้าประเภทอาหารทะเล เช่น กุ้งและปลาทะเลแช่แข็ง รวมถึงการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะทุเรียนแช่แข็งเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น จีน ไต้หวัน เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้ทุเรียนที่อาจมีตำหนิภายนอกแต่คุณภาพเนื้อยังดี สร้างช่องทางจำหน่าย ลดปัญหาราคาตกต่ำ อีกทั้งยังสร้างงานให้แรงงานท้องถิ่นและเปิดตลาดใหม่ ๆ ให้กับประเทศไทย โดยบริษัทมีศักยภาพด้านการผลิตสูงสุดกว่า 100 ตันต่อวัน ใช้เทคโนโลยี Spiral Freezer ในการแช่แข็งเพื่อรักษาคุณภาพสินค้าให้อยู่ในระดับพรีเมียม

. สำหรับปี 2568 บริษัทห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่ฯ ได้ตั้งเป้ารับซื้อทุเรียนคุณภาพจากเกษตรกรกว่า 5,000 ตัน ในราคากิโลกรัมละ 50 – 110 บาท โดยกระจายผลผลิตจากแหล่งปลูกสำคัญ ทั้งจันทบุรี อุตรดิตถ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลุง นครศรีธรรมราช และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการแช่แข็งตามมาตรฐานสากล ก่อนจัดส่งสู่ตลาดทั่วโลก ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าและยกระดับผลไม้ไทยให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติ อีกทั้งยังช่วยให้เกษตรกรมีช่องทางการจำหน่ายผลผลิตที่มั่นคงและยั่งยืน

. กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหลักของบริษัทคือประเทศจีน ซึ่งรับซื้อกว่า 80–90% ของยอดส่งออกทั้งหมด โดยผู้บริโภคจีนและไต้หวันนิยมทุเรียนสุกนิ่มที่มีรสหวานจัด ต่างจากรสนิยมผู้บริโภคชาวไทยที่นิยมทุเรียนกรอบนอกนุ่มใน พร้อมทั้งลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อาทิ ไอศกรีม ขนมพร้อมทาน และ พิซซ่าหน้าทุเรียน ซึ่งได้รับความนิยมสูงในจีน โดยเฉพาะพิซซ่าฮัทที่เคยทำยอดขายพิซซ่าทุเรียนได้กว่า 90 ล้านถาดต่อปี แสดงถึงโอกาสการเติบโตทางการตลาดที่ยังเปิดกว้าง และเป็นแนวทางต่อยอดสินค้าไทยสู่ผู้บริโภคต่างประเทศในอนาคต

ศิริลักษณ์/ข่าว

พงศธร/ภาพ

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา