จังหวัดสงขลา ประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี 2568 น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณพระมหากษัตริย์ผู้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย
.
วันนี้ (25 เมษายน 2568) ที่ หอประชุมเปรม 100 ปี โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี 2568 โดยมี นางรุ้งทอง จันทน์เสนะ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา นายสังคม เกิดก่อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ ปลัดจังหวัดสงขลา ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการตำรวจ ทหาร ศาล ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา เข้าร่วมโดยพร้อมเพรียงเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณผู้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย
.
ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้วางพานพวงมาล ถวายราชสักการะหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ จุดธูป เทียน เครื่องทองน้อย และกล่าวถวายราชสดุดี มีใจความตอนหนึ่งว่า “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงพระราชสมภพ ณ พระราชวังจันทร์ เมื่อปีพุทธศักราช 2098 พระองค์ทรงเป็นวีรกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถอย่างล้ำเลิศ มีพระอัจฉริยภาพ และฝีพระหัตถ์ในทางการรบและเชี่ยวชาญในอาวุธทุกชนิด ทรงตรากตรำพระวรกายในการทำศึกสงครามตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์โดยมิได้ว่างเว้น ในปีพุทธศักราช 2127 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ว่า ตั้งแต่วันนี้ กรุงศรีอยุธยาขาดทางไมตรีกับกรุงหงสาวดี มิได้เป็นมิตรกันตั้งแต่ก่อนต่อไป การกระทำเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการประกาศอิสรภาพของไทย หลังจากประกาศอิสรภาพแล้ว ก็ได้กรีฑาทัพเข้าสู่ชานเมืองกรุงหงสาวดี และรวบรวมคนไทยกลับมาได้ อีกทั้งยังสามารถใช้พระแสงปืนยาวยิงข้ามแม่น้ำสะโตง ถูกแม่ทัพของพม่าที่ติดตามมาซึ่งนั่งอยู่บนคอช้างจนเสียชีวิต ทำให้ทัพพม่าถอยกลับไป และพระแสงปืนที่ทรงใช้ในวันนั้นได้ปรากฏนามว่า “พระแสงปืนต้น ข้ามแม่น้ำสะโตง” ซึ่งถือเป็นอาวุธที่จัดอยู่ในพระแสงอัษฎาวุธอันเป็นเครื่องราชูปโภค สำหรับพระมหากษัตริย์สืบมาจนบัดนี้ จนล่วงปีพุทธศักราช 2133 สมเด็จพระนเรศวรขึ้นครองราชย์ พระเจ้านันทบุเรงยกทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยาครั้งใหญ่ และในครั้งนี้สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงเปลี่ยนยุทธวิธีการรบจากการตั้งรับมาเป็นฝ่ายรุก โดยพระองค์ยกกองทัพออกไปตั้งรับที่ลำน้ำท่าข่อย และหลอกล่อให้กองทัพพม่ารุกไล่เข้าไปในวงล้อมที่พระองค์วางทัพรออยู่ซึ่งผลของการรบครั้งนั้น พระยาพุกามตายในที่รบพระยาพะสิมถูกจับ ส่วนพระมหาอุปราชาถอยหนีไป ในวันที่ 18 มกราคม ปีพุทธศักราช 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำสงครามยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาจนได้รับชัยชนะ ทำให้พระบรมเดชานุภาพแผ่ไพศาลไปทั่วปฐพี หลังจากศึกสงครามยุทธหัตถีนี้แล้ว ได้ทรงปราบปรามหัวเมืองมอญฝ่ายใต้ ได้เมืองตะนาวศรี มะริด และทวาย ปีพุทธศักราช 2138 และ 2142 ทรงกรีฑาทัพไปตีเมืองหงสาวดี ได้เมืองเมาะลำเลิง แล้วทรงยกทัพไปถึงเมืองหงสาวดีและเมืองตองอู จนหัวเมืองไทยใหญ่ทั้งปวงยอมขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา ในปีพุทธศักราช 2148 พระเจ้าอังวะมีอำนาจขึ้น จึงขยายอาณาเขตเข้ามาทรงแคว้นไทยใหญ่ สมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปยังเมืองห้างหลวง และประชวรหนักจนเสด็จสวรรคตเมื่อเดือน 6 ขึ้น 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พุทธศักราช 2148 พระชนมายุ 50 พรรษา อยู่ในราชสมบัติ 15 ปี จากวันนั้น ถึงวันนี้ แม้พระองค์จะได้เสด็จสวรรคต มานานกว่า 419 ปี แล้วก็ตาม พสกนิกรชาวไทยทั้งมวล ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และพระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงพระปรีชาสามารถ กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ขับไล่อริราชศัตรูตลอดพระชนม์ชีพ เพื่อสร้างความเป็นเอกราชให้แก่ชาติไทย และเป็นมหาวีรกรรมที่เลื่องลือปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ชาติไทยตราบจนทุกวันนี้
.
ทั้งนี้ จังหวัดสงขลา ได้จัดพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี 2568 ตามที่คณะรัฐมนตรี กำหนดให้วันที่ 25 เมษายน ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นวันรัฐพิธี โดยกำหนดให้มีการวางพวงมาลาถวายราชสักการะ และไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยสั่งการให้ทุกจังหวัดถือเป็นวันสำคัญและกำหนดให้มีการจัดงานรัฐพิธีเป็นประจำทุกปี
.
พงศธร บุญสุข - ข่าว
ธีรธรรม ลีนิน – ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
25 เมษายน 2568